สุขภาพสำคัญอื่นใด ให้เราช่วยดูแลนะคะ ด้วยความห่วงใยจาก Issaracloset

วันนี้ ลดทันที 5% เมื่อซื้อสินค้าผ่านเวป

วันนี้ ลดทันที 5% เมื่อซื้อสินค้าผ่านเวป
Click ได้ที่ป้ายเลยคร่า

Wednesday, November 23, 2011

เคล็็็ดลับลดน้ำหนัก กับ สมเด็จพระเทพ


สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเผยเคล็ดลับลดน้ำหนัก 6 เดือน ลดได้ 12 กิโลกรัม ด้วยสูตรง่าย ๆ และมีพระวรกายที่แข็งแรง ทรงวิ่งในตอนเช้า 5 กิโลเมตร เย็น 10 กิโลเมตร และเปลี่ยนเวลาเสวยพระกระยาหารค่ำมาเป็นเวลา 16.00 น. เตรียมรณรงค์ให้คนไทยและเยาวชน ตระหนักถึงคุณค่าอาหารไทยมากขึ้น

  สมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทยร่วมกับกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จัดการประชุมวิชาการ เรื่อง “3 มิติใหม่อาหารไทยสร้างชาติ” เพื่อจุดประกายให้คนไทยตระหนักถึงคุณค่าของอาหารไทย และหันมาบริโภคมากขึ้น รวมทั้งส่งเสริมอาหารไทยให้ได้ความนิยมไปสู่ระดับสากลต่อไป โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯเป็นองค์ประธานเปิดการประชุม มีพระราชดำรัสเปิดงานสรุปได้ว่า “อาหารไทยเป็นมรดกวัฒนธรรมที่แสดงให้เห็นความเป็นชาติ และปัจจุบันอาหารไทยเป็นที่ยอมรับทั่วโลก เพราะมีเครื่องปรุงองค์ประกอบที่มีความหลากหลาย อุดมด้วยสารอาหาร รวมทั้งกรรมวิธีการปรุงแต่ง แสดงให้เห็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ การส่งเสริมให้เกิดผลทางเศรษฐกิจมีความเป็นไปได้สูง และการส่งเสริมรณรงค์ให้คนไทยและเยาวชนไทย ตระหนักถึงคุณค่าอาหารไทยมากขึ้น เนื่องจากเยาวชนหันไปบริโภคอาหารตะวันตกมากขึ้น”น.พ.วัลลภ ไทยเหนือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “มอง 3 มิติใหม่นำอาหารไทยสร้างชาติ” ในการประชุมดังกล่าวว่า ปัจจุบัน ข้อมูลสาธารณสุขพบว่า วัยรุ่นไทยอายุ เฉลี่ยที่ 12-18 ปี ร้อยละ 55.7 ชอบกินพิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์ ไก่ทอด ร้อยละ 35 ชอบดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ มีเพียงร้อยละ 20 ที่ชอบกินขนมไทย โดยร้อยละ 44.2 ระบุว่าเลือกอาหารจากการพบเห็นในสื่อโทรทัศน์น.พ.วัลลภ กล่าวอีกว่า อาหารไทยสร้างชาติ และสร้างคนด้วย มิติทางวัฒนธรรมแต่ละภาคที่ทำให้อาหารประจำภาคต่างกัน มิติทางสุขภาพที่ได้จากอาหารไทยที่สมดุล กลมกล่อม และมิติทางเศรษฐกิจที่อาหารไทยกำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มคนต่างชาติสูง โดยในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ตั้งเป้าจะประกาศให้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2547 เป็นต้นไป อาหารไทยจะปลอดภัยได้มาตรฐานอย่างอาหารต่างประเทศ โดยในเดือนมิถุนายน มุ่งทำให้เกิดความปลอดภัยของอาหารในตลาด และในเดือนกรกฎาคม จะมุ่งทำความปลอดภัยของอาหารในโรงเรียนซึ่งประชาชนร้องขอมามาก และจะทำสลับกันไปแต่ละเดือนระหว่างตลาดกับโรงเรียน ซึ่งเชื่อว่า หากทำได้ ต่อไปอาหารไทยจะปลอดภัย และยังเชื่อว่าการผลักดันให้วัยรุ่นหันมาบริโภคอาหารไทยน่าจะทำได้ เพราะวัยรุ่นก็เป็นวัยรุ่นไทย“ประเทศไทยได้เปรียบในทุกมิติที่จะพัฒนา ให้อาหารได้รับความนิยมในระดับสากล เหลือเรื่องความปลอดภัยของอาหาร ซึ่งต้องแก้ไขให้สะอาดและไม่มีการปนเปื้อน โดยเฉพาะสารพิษต่างๆที่พบได้ทั้งอาหารสดและอาหารสำเร็จ นอกจากนี้อาหารไทยยังขาดการวิจัยเมื่อปรุงสำเร็จ คือต้องจัดทำเป็นสูตรลับ”น.พ.วัลลภ กล่าวและว่าในเดือนสิงหาคม หลายหน่วยงานจะร่วมกับภาคเอกชนจัดงานรวมพลังอาหารปลอดภัย ถวายแด่แม่ของแผ่นดิน ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์น.พ.วัลลภ ยังกล่าวภายหลังการปาฐกถาพิเศษว่า ระหว่างที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทอดพระเนตรนิทรรศการในงานประชุมวิชาการครั้งนี้ ผู้เฝ้าฯรับเสด็จ ชื่นชมที่ทรงมีพระวรกายแข็งแรง ศ.พ.ญ.สาคร ธนมิตต์ กรรมการที่ปรึกษาสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย ได้กราบทูลถามพระองค์ท่านถึงพระวรกาย โดยใช้คำว่า “REDUCE WEIGHT” เพื่อถามถึงน้ำหนักของพระองค์เพราะไม่กล้าถามตรง ๆ ซึ่งพระองค์ทรงอธิบาย โดยรับสั่งว่า การลดน้ำหนักของพระองค์ท่าน ทำได้ 12 กิโลกรัมในช่วง 6 เดือน และแม้จะลดน้ำหนัก แต่ทรงมีพระวรกายที่แข็งแรง ทรงเปิดเผยว่า มีสูตรง่าย ๆ คือทรงวิ่งอย่างไม่เร็วนัก โดยทรงตรัสว่า “ฉันวิ่งแบบที่คนอื่นเดินตามทัน” โดยทรงวิ่งในตอนเช้า 5 กิโลเมตร เย็น 10 กิโลเมตร และเปลี่ยนเวลาเสวยพระกระยาหารค่ำมาเป็นเวลา 16.00 น.หลังจากนั้นจะไม่เสวยอะไรอีกเลยน.พ.วัลลภ กล่าวว่า จะให้สมาคมโภชนาการฯหรือกรมอนามัยกราบทูลขอพระราชทาน นำสูตรลดน้ำหนักของพระองค์ มาเผยแพร่สู่ประชาชนเพื่อเป็นแบบอย่างในการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะการปรับเวลาอาหารเย็นให้เร็วขึ้นเพื่อให้มีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม นอกจากนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ยังทรงแนะนำให้นำถั่วแระขึ้นไปปลูกบนอมก๋อย เพื่อให้เด็กไม่ขาดสารอาหาร หลังจากมีการนำปลาดุกรัสเซียและวิตามินเอขึ้นไป แก้ปัญหาเด็กขาดสารอาหารจนพิการได้บางส่วน และยังทรงรับสั่งถึงเด็กในพื้นที่อื่นๆ ซึ่งปัจจุบัน ภาวะเด็กขาดสารอาหารมีเฉพาะกลุ่มแล้ว การแก้ปัญหาจึงต้องเจาะตามพื้นที่ โดยทรงรับสั่งถึงเด็กๆในพื้นที่ทุรกันดารที่จังหวัดนราธิวาส ซึ่งถือเป็นงานที่ท้าทายของกระทรวงสาธารณสุขที่จะต้องหาทางเข้าไปช่วยเหลือ

ที่มา:ดีดีจัง

No comments:

Post a Comment