สุขภาพสำคัญอื่นใด ให้เราช่วยดูแลนะคะ ด้วยความห่วงใยจาก Issaracloset

วันนี้ ลดทันที 5% เมื่อซื้อสินค้าผ่านเวป

วันนี้ ลดทันที 5% เมื่อซื้อสินค้าผ่านเวป
Click ได้ที่ป้ายเลยคร่า

Thursday, September 15, 2011

วิธีดูแลตัวเองอย่างไรไม่ให้หน้าแก่ก่อนวัย

อุอุ วันนี้ อยากนำบทความเมื่อ 10 ปีที่แล้วมาตีพิมพ์นะคะ แต่รับรองว่ามีประโยชน์แน่นอน เป็นบทความแนะนำว่าทำอย่างไรไม่ให้หน้าแก่ก่อนวัยค่า ^^' ถ้าพร้อมแล้วมาติดตามกันเลยค่ะ

          วันนี้เริ่มกันด้วยเรื่องของวิธีการดูแลตัวเองอย่างไรไม่ให้หน้าแก่ก่อนวัยดีมั้ยคะ ใครไม่ย่างเข้าเลข 3 ไม่เริ่มมีริ้วรอยตีนกา หรือเริ่มหน้ากระดำกระด่าง จะไม่เข้าใจปัญหานี้หรอกค่ะ ใคร ๆ ก็อยากดูดี ส่องกระจกแล้ว happy ไม่ใช่ยิ้มแล้วเห็นริ้วรอย ทำให้เสีย self ถ้าคุณเป็นหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้นละก็ ตามมาเลยค่ะ ปฏิบัติตามหมอ รับรองได้ว่าจะไม่มีใครสามารถทายอายุจริงของคุณได้ถูกแล้วล่ะทีนี้ใคร ๆ ที่อยากเป็นสาว 2 พันปี หรือต้องการดูเด็กตลอดกาลห้ามพลาดค่ะ อ้อ...ไม่จำกัดว่าให้ใช้ได้เฉพาะผู้หญิงเท่านั้นนะคะ คุณผู้ชายทั้งหลายสามารถนำไปใช้ได้เหมือนกัน วิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยชะลอวัยของคุณมีดังต่อไปนี้...



1. ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำทุกเช้า

รู้มั้ยค่ะว่าปัญหารอยย่นหรือริ้วรอย แห่งวัยทั้งหลายบนใบหน้าของคุณเกิดจากการถูกทำลายจากแสงแดดถึง 90 % ทั้งแสง UVA  และ UVB จากแดดล้วนมีโทษต่อผิวทั้งชั้นหนังกำพร้า ชั้นบนและชั้นหนังแท้ สามารถทำให้เกิดจุดด่างดำ ฝ้า กระ รอยย่นรวมถึงมะเร็งผิวหนัง ฉะนั้นเราควรใช้ครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าคุณจงใจจะออกจากบ้านหรือเปล่า โดยเลือกใช้ครีมกันแดดให้เหมาะกับผิวของตัวเอง รวมถึงเลือกครีมกันแดดที่สามารถป้องกันได้ทั้งแสง UVA และ UVB และไม่ทำให้เกิดสิวหรืออาการแพ้นะคะ





2. อย่าสูบบุหรี่
บุหรี่จัดเป็นตัวการอันดับสองในการทำลายผิวเลยทีเดียว ก็เจ้านิโคตินในบุหรี่นี่แหละที่เป็นตัวที่ทำให้เกิดริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้ารวมถึงการเปลี่ยนแปลงผิวหนังให้หยาบกร้าน และการสูญเสียความตึงตัว เกิดเป็นริ้วรอยรอบริมฝีปากจากการสูบบุหรี่ นอกจากนี้ยังทำให้การไหลเวียนเลือดไปที่ผิวหนังไม่ดีใบหน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส หยาบกร้าน สมัยนี้เด็กรุ่นใหม่เขาไม่สูบบุหรี่กันแล้ว นอกจากจะไม่ดีต่อสุขภาพผิวยังทำให้สุขภาพร่างกายทรุดโทรมด้วย





3. ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ
อยากผิวเนียนสดใส ต้องดื่มน้ำสะอาดเครื่องดื่มที่ไม่มีคาเฟอีน หรือไม่มีแอลกอฮอล์ เพราะน้ำเป็นตัว การสำคัญที่อยู่ในเซลล์ทุกเซลล์ เซลล์ที่แข็งแรงต้องมีน้ำเป็นส่วนประกอบที่เพียงพอ ไม่อย่างนั้นผิวหน้าก็จะดูแห้งกร้าน อย่างน้อยควรจะดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 4-5 ลิตร นอกจากช่วยให้ผิวเนียนสดใสแล้ว ยังช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายเราด้วย มีประโยชน์ดีอย่างนี้ ต้องพยายามดื่มน้ำมาก ๆ นะคะ ยิ่งบ้านเรามีหน้าร้อน ตลอดเวลายิ่งต้องดื่มน้ำให้มากเข้าไว้ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายค่ะ





4. ควบคุมอาหารให้ดี
อย่ามัวแต่ลดสัดส่วนจนต้องลดคุณค่าของอาหารไปด้วยนะคะ ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผักผลไม้ อาหาร โปรตีน และปลา รับประทานแป้งและคาร์โบรไฮเดรตเล็กน้อย แค่นี้ก็ทำให้ร่างกายคุณแข็งแรงสมบูรณ์และดูดีแล้ว





5. รับประทานสารต้านอนุมูลอิสระ
การเลือกรับประทานผักผลไม้สดซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินเอ ซี อี และสารไบโอฟลาโวนอย จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในร่างกายในการต่อต้านกับสารอนุมูลอิสระในร่างกาย ได้แก่ การสูบบุหรี่ มลพิษต่าง ๆ การดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะแสงแดดซึ่งก่อให้เกิดการอักเสบของผิว เร่งให้เกิดการเสื่อมสภาพของผิว และสามารถก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ด้วย ปัจจุบันมีงานวิจัยที่รายงานว่าการใช้วิตามินซีในรูปการทาลงไปที่ผิวหน้าโดยตรง สามารถช่วยต้านสารอนุมูลอิสระได้ด้วย





6. การดูแลและควบคุมน้ำหนัก
ในปัจจุบันผู้คนหันมาให้ความสนใจในเรื่องสุขภาพ และการลดน้ำหนักกันอย่างมาก
การลดน้ำหนักก็มีผลทำให้เราดูแก่ก่อนวัยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเรามีน้ำหนักขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่ตลอดเวลา ผิวหนังก็ถูกยืดออกในที่สุดความยืดหยุ่นของผิวหนังก็เสียไปหลังจากที่น้ำหนักลดผิวก็จะดูเหี่ยวย่นและลาย นอกจากนี้ถ้าเราลดน้ำหนักมากจนเกินไป ก็เกิดปัญหาเรื่องของการขาดสารอาหาร ทำให้แก่เร็วขึ้นอีก ถ้าจะดูแลน้ำหนัก ควรต้องปรึกษานักโภชนาการก่อน เพื่อจะควบคุมอาหารได้อย่างถูกวิธี ไม่ใช่วิธีการอดข้าวอดน้ำอย่างเดียวนะคะ เพราะถ้าเราทำอย่างถูกต้องตามหลักโภชนาการ การจำกัดแคลอรีนี้ก็สามารถกลับมาช่วยชะลอความแก่ได้ด้วยค่ะ





7. การใช้ Retin-A
หรือที่รู้จักทางการแพทย์ว่า Retinoic acid ซึ่งก็คือกรดวิตามิน A ที่ใช้ทานั่นเอง ยาตัวนี้เหมือนยาวิเศษนะคะนอกจากจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนังแล้ว ยังช่วยลดเม็ดสีที่ผิวปกติได้ด้วย ถ้าใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลาหนึ่งจะพบว่าสามารถแก้ปัญหาภาวะความเสื่อมของผิวหน้าจากวัยและการถูกทำลายของแสงแดดได้ดี ตัวยากรดวิตามิน A นี้เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกว่าสามารถช่วยในการรักษา Skin Aging ได้ผลดี แต่ถ้าสนใจอยากใช้ยาตัวนี้ละก็ หมอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนังประจำตัวคุณด้วยนะคะ เพราะในบางรายอาจมีอาการระคายเคืองได้ถ้าใช้ไม่ถูกวิธีนะคะ





8. การนอนหลับพักผ่อนและท่านอน
ใครอย่าคิดว่าท่านอนไม่มีความสำคัญนะคะ อย่ามองข้ามจุดเล็กจุดน้อยเลยทีเดียว การนอนในท่านอนหงายปกติเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่ไม่ทำให้เกิดปัญหา ใครที่ชอบนอนคว่ำก็มักจะเกิดรอยย่นที่หน้าผากและแก้ม และมักจะตื่นนอนด้วยอาการบวมรอบ ๆ ตาจากการกดทับเปลือกตานอกจากท่านอนแล้ว จำนวนชั่วโมงการนอนก็ต้องเพียงพอที่จะให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าพร้อมจะสู้ต่อด้วยนะคะ ฉะนั้นการนอนหลับให้สนิทอย่างเพียงพอจึงเป็นหัวใจสำคัญอีกประการหนึ่ง





9. BOTOX
หมอว่าปัจจุบันใครไม่รู้จัก BOTOX ก็อาจจะเชยเล็ก ๆ นะ หมอเองรู้จัก BOTOX ตั้งแต่ 20 ปีก่อนนู้น ตั้งแต่หมอยังเป็นนักเรียนแพทย์อยู่เลย มารู้จักมักคุ้น และได้ใช้เอง มาก ๆ ก็ช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา เมื่อ BOTOX ถูกนำมาใช้เพื่อลดริ้วรอยตามตำแหน่งต่าง ๆ ของใบหน้า หลักการก็คือ ลดการทำงานของกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดรอยย่น ช่วยป้องกันและลบริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวหรือการหดตัวของกล้ามเนื้อโดยเฉพาะที่เกิดขึ้นที่บริเวณหัวตาจากการขมวดคิ้ว รอยตีนกาและหน้าผาก





10. การให้ฮอร์โมนทดแทน Hormone replacement therapy
ระดับฮอร์โมนในร่างกาย มีผลโดยตรงต่อลักษณะ และคุณภาพของผิวหนัง และผิวหน้าทั้งชายและหญิง มีการวิจัยทางการแพทย์ในปัจจุบันพบว่าการใช้ครีมหรือการทานยาหรืออาหารเสริมต่าง ๆ ร่วมกับการให้ฮอร์โมนทดแทน สามารถช่วยชะลอความเสื่อมของวัยรวมถึงผิวหนังภายนอกด้วย ต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจวัดระดับฮอร์โมนในร่างกายของเราว่ามีความบกพร่องระดับไหน แล้วจึงพิจารณาให้ระดับฮอร์โมนตามความเหมาะสมแต่ละราย ภายใต้การดูแลของแพทย์นะคะ


แล้วเจอกันใหม่นะคะ ^_^


ที่มา pantip.com

No comments:

Post a Comment